วิธีแต่งบ้านให้สวยงามยาวนาน

เมื่อเริ่มแผนการย้ายบ้านหรือสร้างบ้านหลายๆ ท่านคงคำนึงถึงขั้นตอนการตกแต่งก่อนเป็นอย่างแรกๆ เพราะการตกแต่งนอกจากจะสนุกแล้วยังเป็นขั้นตอนที่ช่วยให้เราได้เพิ่มความเป็นตัวเองเข้าไปในที่นั้นๆ และให้เราได้เติมภาพลักษณ์ที่เราพยายามสื่อเข้าไปในดีไซน์

แต่การตกแต่งบรรยากาศเป็นศิลปะที่อาจเข้าถึงได้ยากสำหรับผู้ที่ไม่ได้ศึกษาทางด้านนี้มาโดยเฉพาะ นี่เป็นสาเหตุที่สถานที่บางแห่งติดอยู่ในห้วงเวลาเมื่อเทรนด์นิยมได้ขับเคลื่อนไปตามกาลเวลาทำให้บ้านดูเชย ในบทความนี้เราจะมาพูดถึงวิธีตกแต่งให้บ้านของคุณให้สวยงามเหนือกาลเวลา

ความ ‘สวยงามเหนือกาลเวลา’ ผูกมัดโดยตรงกับพฤติกรรมการรับรู้ของมนุษย์เมื่ออยู่ในที่ที่หนึ่ง เพื่อให้เราได้เข้าถึงหัวใจสำคัญของคอนเซปต์นี้ได้ง่ายขึ้น เราขอแนะนำ 2 ปัจจัยที่คุณควรคำนึงถึงเมื่อเริ่มโปรเจกต์

ความสมมาตรเป็นสิ่งสำคัญ (Symmetry)

หากจุดประสงค์ของคุณคือภาพลักษณ์ที่ดู’คลาสสิก’ เราอยากแนะนำให้คุณอย่าตัดสินใจตามเทรนด์แต่หันมาให้ความสำคัญกับความสมมาตร มนุษย์เราถูกดึงดูดโดยอะไรที่มีความสมดุลเพราะฉะนั้นไม่ว่าสไตล์ของคุณจะเป็นอย่างไรตราบใดที่พื้นที่มีความสมดุลที่นั่นจะทำให้คุณรู้สึกดีเสมอ เพื่อเพิ่มความสมมาตรในบริเวณอย่างหนึ่งที่คุณสามารถทำคือการจับคู่สิ่งของตกแต่งอย่างเช่น

1. บนตู้เก็บของลองวางแจกันหรือโคมไฟสองชิ้นไว้แต่ละข้างขนานกันแล้วลองวางของตกแต่งชิ้นเล็กๆ ตรงกลาง
2. จัดวางโซฟาเพียงตัวเดียวและเลือกวางเก้าอี้สองตัวขนาบข้างหรือเยื้องๆ กันเพื่อสร้างเอฟเฟกต์สะท้อนเปรียบเสมือนภาพในกระจก

ตัวอย่างเหล่านี้เป็นการเพิ่มความสมดุลและจัดระเบียบห้องเพื่อให้กระบวนการตกแต่งเป็นไปได้ง่ายขึ้น

สร้างจุดโฟกัส (Focal point)

การสร้างจุดโฟกัสที่ดีเป็นสิ่งสำคัญและเป็นอะไรที่ไม่ควรมองข้ามหากคุณต้องการความสวยงามที่ยั่งยืน เช่นเดียวกันกับความสมดุลจุดโฟกัสสำคัญเพราะจุดเด่นคือสิ่งที่จะทำให้ห้องน่าอยู่และสบายตา ให้สายตาของคุณได้พักผ่อน แต่บางครั้งจุดโฟกัสก็สามารถเกิดขึ้นเองเช่นห้องที่มีตู้ชิ้นสวยๆ หรือมีภาพแขวนตามผนัง แม้แต่หน้าต่างก็เป็นจุดเด่นได้เช่นกัน แต่หากห้องของคุณไม่มีจุดเด่นอยู่แล้วไม่ต้องห่วงเพราะเอฟเฟกต์นี้สามารถสร้างได้ด้วยชิ้นศิลปะ ดีไซน์ฟีเจอร์ เฟอร์นิเจอร์ หรือ ของใช้ที่มีเอกลักษณ์

ลองสำรวจห้องของคุณว่าสายตาของคุณพาไปที่ส่วนไหนของห้องมากที่สุดแล้ววางชิ้นสร้างจุดโฟกัสไว้ตรงนั้น จากนั้นเริ่มขยับเฟอร์นิเจอร์ให้ห้อมล้อมจุดนั้น แต่ไม่ว่าดีไซน์ของคุณท้ายที่สุดแล้วจะออกมาเป็นอย่างไรเราแนะนำให้คุณสร้างจุดโฟกัสไว้เพียงบริเวณเดียวเพื่อให้ไม่เกิดความรู้สึกวุ่นวาย

หลังจากที่เราได้ศึกษาแนวทางหลักๆ ที่ช่วยให้ห้องรู้สึกสบายขึ้น เราจะมาแนะนำวิธีอื่นๆ ที่คุณสามารถเพิ่มเติมเพื่อให้ห้องสวยงามอย่างยั่งยืน

1. ความพอดีจะเป็นประโยชน์ในระยะยาว:

   ความรกไม่ว่าจะเป็นยุคสมัยไหนก็ตามเป็นอะไรที่ทำให้พื้นที่รู้สึกอึดอัด สถานที่ที่ให้ความรู้สึกที่สะอาดมีระเบียบเรียบร้อยจะช่วยให้บ้านน่าอยู่และช่วยให้คุณรู้สึกกระปรี้กระเปร่า

   พยายามตกแต่งบ้านให้เรียบง่ายสบายตาพยายามอย่าเพิ่มสิ่งตกแต่งในทุกจุดที่ว่างเพื่อให้ที่ของคุณคงความพอดี

   การดีไซน์ที่ดีจะต้องมีจุดสนใจอย่างที่เราได้พูดถึงแต่จุดสนใจนั้นแทนที่จะมีชิ้นงานโดดเด่นประดับ สามารถเป็นเพียงช่องว่างให้คุณพักสายตาก็ได้เช่นกัน

2. เพิ่มวัสดุธรรมชาติเข้าไปในดีไซน์:

   ศิลปะในการตกแต่งบ้านเป็นอะไรที่รับแรงบันดาลใจมาจากสิ่งรอบตัวเรามาโดยตลอด จึงเป็นเรื่องที่ไม่น่าแปลกใจหากการตกแต่งภายในอาจจะมีลูกเล่นที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากธรรมชาติหรือใช้วัสดุจากธรรมชาติเช่น หิน ไม้ ตะกร้าสาน และ พืชชนิดต่างๆ หากเพิ่มธรรมชาติเข้าไปในการตกแต่งเป็นสิ่งสำคัญหากคุณต้องการให้บ้านรู้สึกอบอุ่น

   

3. สีบางสีคงความสวยงามตลอดกาลเวลา:

   สีบางสีเป็นิยมในบางช่วงสมัย และบางสีได้รับความนิยมมาตลอดช่วงเวลาหลายปี สีคลาสสิกเหล่านี้มีทั้ง (สีดำ สีครีม สีเนื้อ สีน้ำเงินเข้ม และ สีเขียวโทนมืด การเลือกใช้สีเหล่านี้จะช่วยให้บ้านของคุณไม่ดูเชยเมื่อเวลาผ่านไป เพราะฉะนั้นเราแนะนำให้คุณศึกษาอย่างดีเมื่อเลือกสีทาบ้าน

4. โฟกัสในส่วนของฟังก์ชั่นการทำงาน:

   การออกแบบภายในที่ประสบความสำเร็จที่สุดคือดีไซน์ที่ยกความสำคัญของการใช้งานเป็นสิ่งสำคัญที่สุด วิธีนี้อาจจะไม่ได้สนุกเท่าการแต่งบ้านตามความชอบความสวยงามล้วนๆ แต่หากคุณอยากให้บ้านน่าอยู่ไปนานๆ การคำนึงถึงดีไซน์ที่จะช่วยประหยัดพลังงานที่สุด ความจุสำหรับจัดเก็บของ และ ความทนทานจะทำให้พื้นที่นั้นน่าอยู่และเป็นประโยชน์กับคุณในระยะยาว การดีไซน์ที่ดีควรให้คุณเดินผ่านตัวบ้านได้อย่างง่ายดาย ไม่เกะกะไปด้วยสิ่งของที่ไม่จำเป็น

5. รับแรงบันดาลใจจากดีไซน์แต่ไม่ผูกมัดอยู่กับมัน:

   เทียบได้กับเทรนด์แฟชั่น การออกแบบภายในก็มีการขยับไปตามกาลเวลาเช่นกัน แต่หากคุณต้องการให้บ้านสวยงามอย่างยาวนานเราอยากแนะนำให้คุณอย่ายึดติดกับเทรนด์เหล่านี้ คุณสามารถรับแรงบันดาลใจได้แต่การเลือกชิ้นงานที่ตอบสนองการใช้งานและไสตล์ที่คุณรักโดยส่วนตัวจะดีที่สุด และให้บ้านได้คงความเป็นตัวเองเป็นเอกลักษณ์

6. ผสมผสานงานเก่าและงานใหม่:

   อีกเคล็ดลับเพื่อให้บ้านดูคลาสสิกคือการผสมผสานชิ้นงานแต่งบ้านเก่าและใหม่ไว้ด้วยกันเพื่อให้ดีไซน์ได้มีลูกเล่นจากหลายเทรนด์นิยม ของแอนทีคจะดูสลาสสิกเมื่อนำมาปรับใช้กับไสตล์ปัจจุบัน (โมเดิรน์) ้เพราะฉะนั้นเราแนะนำใหคุณเก็บชิ้นงานวินเทจดีๆ ไว้เพื่อนำมาตกแต่งบ้าน

7. เลือกใช้ลวดลายคลาสสิก:

   ใช้ลวดลายคลาสสิกเช่น ลายทาง stripes ลาย damask ลาย plaid และ ลายดอกไม้ เพื่อให้ห้องสวยงามแบบดั้งเดิมเพราะลายเหล่านี้เป็นที่นิยมมาเป็นเวลาหลายปี เลือกใช้ลายเหล่านี้บนโซฟา หรือหมอนที่คุณคงเก็บไว้ใช้เป็นเวลานาน

   

8. เลือกเพิ่มฟีเจอร์ต่อเติม:

   บิวท์อินเป็นลูกเล่นที่เป็นที่นิยมมาเป็นเวลาหลายปี นอกจากจะเป็นประโยช์ต่อการใช้งานมากๆ แล้วยังช่วยเพิ่มที่เก็บของให้มากขึ้นด้วย ลูกเล่นนี้สามารถทำให้บ้านรู้สึกอบอุ่นและเป็นตัวเองได้มากขึ้นอีกด้วยเช่น บิวท์อินตู้หนังสือในส่วนต่างๆ ของบ้านเหมือนที่นั่งริมหน้าต่างสบายๆ เป็นอะไรที่คลาสสิกสุดๆ ถ้าคุณอยากปรับรูปลักษณ์ก็เพียงแค่ทาสีใหม่ให้ดูสดชื่นขึ้น

9. เลือกใช้วัสดุก่อสร้างที่ได้คุณภาพ:

   คนอฟได้ออกแบบแผ่นยิปซัมมาหลายชนิดเพื่อตอบสนองความต้องการต่างๆ พร้อมทั้งน้ำหนักเบา ดัดแปลงใช้งานง่ายลักษณะสวยงามง่ายต่อการใช้งานและติดตั้งทั้งฝ้าและผนัง

ยิปซัมบอร์ด Standard Shield เพื่อใช้การทั่วไป

• แผ่นยิปซัมบอร์ดชนิดมาตรฐาน StandardShield ใช้ติดตั้งเป็นผนังและฝ้าภายในอาคารสำหรับอาคารหลากหลายชนิดทั้งพื้นที่พักอาศัยและพาณิชยกรรม
• ผิวหน้าของแผ่นยิปซัมบอร์ดชนิดมาตรฐาน StandardShield เป็นกระดาษสีงาช้าง สามารถนำไปใช้งานโดยไม่ต้องตกแต่งเพิ่มเติม หรือตกแต่งเพิ่มเติมได้ตามความต้องการของนักออกแบบ
• คุณสมบัติของแผ่นยิปซัมบอร์ดชนิดมาตรฐาน StandardShield อ้างอิงกับมาตรฐาน มอก. 219-2552 และ ASTM C1396.

ยิปซัมบอร์ด Heatshield เหมาะสำหรับการสะท้อนความร้อน

• ผิวหน้าของแผ่นยิปซัมบอร์ดกันร้อน Heatshield มีการบุแผ่นสะท้อนความร้อนที่ด้านหลังของแผ่นเพื่อช่วยสะท้อนรังสีความร้อนจากดวงอาทิตย์
• ได้ถูกออกแบบและผลิตเพื่อใช้สำหรับฝ้าเพดานภายในอาคารที่อยู่ใต้หลังคาและผนังด้านที่รับแสงแดดโดยตรง
• คุณสมบัติของแผ่นยิปซัมบอร์ดชนิดกันร้อน HeatShield อ้างอิงกับมาตรฐาน มอก. 219-2552 และ ASTM C1396.

ความสวยงามเหนือกาลเวลาเป็นไปได้ง่ายๆ ด้วยการตัดสินใจที่ดีในส่วนของดีไซน์ร่วมกับการขยันซ่อมแซม เราหวังว่าข้อมูลต่างๆ ที่เราได้ศึกษากันในบทความนี้จะช่วยเป็นแรงบันดาลใจให้คุณเริ่มปรับปรุงบ้านในส่วนต่างๆ เพื่อให้บ้านของคุณสวยงามอย่างยาวนาน

เพื่อข้อมูลสร้างสรรค์และงานอื่นๆ เกี่ยวกับการแต่งบ้านและสถาปัตยกรรมเราแนะนำให้คุณลองอ่านเว็บไซต์ของเราซึ่งจะมีการโพสต์บทความที่พร้อมนำเสนอและเต็มไปด้วยไอเดียดีๆ ให้ทุกคนได้ปรับปรุงบ้านกัน https://knauf.co.th/article.php?lang=th