ความสำคัญของแสงในการดีไซน์

ความสำคัญของแสงอาทิตย์เป็นอะไรที่เรารู้กันดี หากไม่มีแสงธรรมชาติชีวิตจะไม่สามารถดำรงอยู่บนโลกได้

แต่ความสำคัญนี้อาจไม่ได้รับความใส่ใจเมื่อพูดถึงการก่อสร้างสิ่งต่างๆ ในบทความนี้เราจะมาพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างแสงธรรมชาติต่อการดีไซน์ และ ผู้อยู่อาศัย

ความสำคัญของแสงอาทิตย์ต่อการดีไซน์

1. แสงสามารถทำให้เรารู้สึกว่ามีพื้นที่กว้างขึ้น:

   หนึ่งในอุปสรรค์ของการสร้างพื้นที่ที่ได้คุณภาพและได้รับแสงธรรมชาติอย่างเพียงพอคือการที่มีพื้นที่ใช้สอยน้อยบวกกับความแคบ ยิ่งพื้นที่เปิดกว้างมากเท่าไหร่จะทำให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกผ่อนคลายมากเท่านั้น เพราะแสงธรรมชาติสามารถเข้าถึงทุกมุมของห้อง

2. การบิดเบือนแสงเพื่อเพิ่มลูกเล่นโฟกัส:

   หนึ่งในวิธีบริหารแสงสว่างอย่างสร้างสรรค์คือการเพิ่มลูกเล่น การเพิ่มสกายไลท์ ‘skylight’ จะช่วยชักจูงความสนใจไปที่ความสวยงามของรูปร่างแสงที่เกิดจากการสร้างลวดลายในโครงสร้าง ทำให้ตัวอาคารของคุณมีชิ้นศิลปะสวยงามเมื่อแดดส่อง

   

3. การดีไซน์เพื่อเพิ่มลูกเล่นแสงเป็นลวดลาย:

   การเพิ่มช่องให้แสงสว่างวิธีนี้ใช้ทักษะเดียวกันกับการเพิ่มลูกเล่นโฟกัส โดยการเพิ่มรูปร่างในโครงสร้างผนังเพื่อให้ได้แสงเงาที่มีลวดลายสวยงามเมื่อมีแสงลอดผ่าน การเพิ่มช่องเหล่านี้นอกจากจะทำให้พื้นที่สวยงามขึ้นยังช่วยเรื่องการระบายอากาศในพื้นที่อาศัย

   

4. การดีไซน์เพื่อให้ได้แสงที่กระจายทั่วบริเวณเป็นแสงโทนอุ่น ‘Warm diffused effect’:

   หากคุณต้องการรู้สึกสว่างขึ้นในบริเวณพื้นที่นั้นๆ โดยไม่ต้องการให้ความร้อนเป็นปัญหา การปรับแต่งให้เกิดการกระจายของแสงก็เป็นวิธีที่จะช่วยในเรื่องนี้ได้อย่างดี คุณสามารถสร้างบรรยากาศนี้ได้โดยการเพิ่มหน้าต่างกรองแสง หรือ หน้าต่างขุ่น แต่ก่อนที่คุณจะปรับใช้วิธีนี้คุณควรวิเคราะห์ทิศทางของแสง และลักษณะต่างๆ ของแสงในแต่ละช่วงวันเพื่อให้คุณปรับดีไซน์ให้ได้ประสิทธิภาพมากที่สุด

   

5. การสร้างโดยอิงแสงอาทิตย์เป็นหลักจะช่วยประหยัดค่าไฟฟ้า:

   การแก้ปัญหาเรื่องแสงสว่างง่ายที่สุดคือการเปิดไฟ แต่หากที่พักของคุณถูกสร้างขึ้นโดยที่ไม่ได้คำนึงถึงแสงอาทิตย์ นั่นหมายความว่าไฟจะต้องถูกเปิดทิ้งไว้เสมอส่งผลให้บิลค่าไฟราคาแพง ปัญหานี้แก้ได้ง่ายๆ โดยการเพิ่มกระจกหรือช่องในส่วนต่างๆ ของพื้นที่ให้แสงได้กระจายเข้าถึงเพื่อลดความต้องการการใช้ไฟฟ้า

6. แสงอาทิตย์จะช่วยเพิ่มความสวยงามให้สีต่างๆ ในบ้าน:

   หากคุณเป็นคนนึงที่ชอบสีสันในบ้านข้อนี้เป็นปัจจัยสำคัญ สีของผนัง เครื่องใช้ หรือ ของใช้ต่างๆ จะดูสวยงามขึ้นเมื่อโดนแสงกระทบจากภายนอก

ความสำคัญของแสงอาทิตย์ต่อสุขภาพของผู้อยู่อาศัย

1. ช่วยดำรงความสมดุลของนาฬิกาชีวภาพ: นอกจากที่แสงแดดจะช่วยเพิ่มวิตามิน D ให้เราแล้ว แสงธรรมชาติยังช่วยบริหารความสมดุลของร่างกายโดยการเชื่อมเรากับนาฬิกาชีวภาพ

   *นาฬิกาชีวภาพ = ลักษณะทางชีววิทยาตลอด 24 ชั่วโมงของแต่ละคนที่เกิดการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาเพื่อควบคุมการทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกาย เช่น ฮอร์โมน อุณหภูมิของร่างกาย การหลับและการตื่น เป็นต้น

2. แสงสามารถช่วยป้องกันคุณจากโรคตึกเป็นพิษ:

   *โรคตึกเป็นพิษ = Sick Building Syndrome (SBS)

   เป็นภาวะความเจ็บป่วยที่เชื่อว่าอาจเกิดจากการทำงานภายในอาคารและสถานที่ปิด อาการมีดังกล่าว: ปวดหรือวิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้ คัดจมูก น้ำมูกไหล ระคายเคืองตา ตาแห้ง เจ็บคอ ระคายเคืองคอ ไอ และอาการอื่นๆอีกมากมาย

3. แสงธรรมชาติจะช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อตา และให้ประโยชน์ต่อสายตา: เป็นที่รู้กันว่าการเพ่งจ้องหน้าจอเป็นเวลานานจะทำให้กล้ามเนื้อตาอ่อนล้า และในบางกรณีทำให้คุณภาพสายตาแย่ลง แต่คุณทราบหรือไม่ว่าแสงจากหลอดไฟสามารถทำอันตรายต่อสายตาของคุณได้เช่นกัน หากคุณมีเด็กเล็กในบ้านควรปรับแต่งที่อยู่เพื่อให้ได้แสงอาทิตย์มากขึ้นเพื่อสุขภาพที่ดี และสุขภาพจิตที่มั่นคง

4. แสงธรรมชาติสามารถช่วยเรื่องคุณภาพการนอนหลับ:คุณมีปัญหาเรื่องการนอนหลับหรือไม่? วิธีแก้ปัญหานี้โดยวิธีธรรมชาติคือการได้รับแสงแดดมากขึ้น การได้รับประโยชน์จากแสงธรรมชาติจะทำให้นาฬิกาชีวภาพของคุณมั่นคงขึ้น และนั่นจะส่งผลให้คุณได้รับการนอนหลับที่มีคุณภาพดี

5. แสงอาทิตย์สามารถช่วยให้คุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยให้คุณรู้สึกกะปรี้กะเปร่ามากกว่าแสงสังเคราะห์ นั่นเป็นเหตุที่คุณควรปรับแต่งให้ห้องทำงานหรือออฟฟิศของคุณได้รับแสงอาทิตย์อย่างพอประมาณ

6. แสงอาทิตย์สามารถช่วยคลายความเครียด: ความเครียดเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิต เมื่อสิ่งหลายๆ สิ่งเริ่มสะสมความเครียดอาจเป็นอะไรที่รู้สึกหนักหน่วง หนึ่งในวิธีบรรเทาอาการตึงเครียดง่ายๆ เลยคือการสัมผัสกับแสงอาทิตย์ ปล่อยให้แสงสามารถลอดเข้ามาในที่ที่คุณอยู่เพื่อความรู้สึกผ่อนคลาย

7. ผลกระทบต่อสุขภาพเพราะแสงสังเคราะห์: เมื่อเทียบแสงธรรมชาติกับแสงสังเคราะห์แล้ว แสงสังเคราะห์มีประโยชน์ต่อการดีไซน์ในหลายแง่เพราะเราสามารถบังคับทิศทาง สี และ ความจ้าได้ ทำให้แม้ว่าจะเป็นพื้นที่อับแสงแค่ไหนก็สามารถสร้างสว่างได้ แต่ด้วยประโยชน์มากมายข้อเสียก็ย่อมมีบ้างเช่นกัน

   • รังสี UV จากหลอดไฟ: หลอดไฟจะปล่อยทั้งรังสี UVB และ UVC ซึ่งเป็นอันตรายต่อผิวหนังและสายตา รังสีเหล่านี้จะไปรบกวนระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ส่งผลให้ผิวหนังชะลอการสังเคราะห์วิตามินดี 3 ที่ปกติทำหน้าที่บำรุงกระดูก ฟันและกล้ามเนื้อลดลงอาจทำให้เกิดเป็นมะเร็งผิวหนังได้
   • มีส่วนประกอบของสารก่อมะเร็ง
   • มีสารปรอท
   • กดการหลั่งเมลาโทนิน

องค์ประกอบของแสงต่อสุขภาพจิตใจของผู้อยู่อาศัยที่คุณควรทำความเข้าใจ

1. อุณหภูมิของโทนสี ‘Color temperature’: โทนสีที่แฝงอยู่ในแสงมีผลต่อความรู้สึกของผู้อยู่อาศัยเป็นอย่างมาก ค่าแสงจะมีการวัดด้วยมาตราเคลวิน

   • ควรใช้ค่าแสง 300K เพื่อให้คุณรู้สึกตื่นตัวมีสมาธิทำงาน
   • หากเป็นแสง ‘mood light’ ควรเป็นค่าแสง 2700K เพื่อให้บรรยากาศสบายๆ

2. Color rendering Index (CRI) หรือ ดัชนีวัดค่าความถูกต้องของสี: คุณควรคำนึงถึงค่า CRI เมื่อคุณต้องการเลือกลักษณะแสงในที่พัก เมื่อค่า CRI สูงเท่าไหร่ความจ้าของสีจะมากเท่านั้น

   ค่าดัชนีชี้วัดความถูกต้องของสี มีค่าตั้งแต่ 0 -100 โดยที่ค่า CRI = 100 หมายถึงของวัตถุที่ตาเราเห็นมีความถูกต้องที่สุด ใกล้เคียงสีจริงธรรมชาติที่สุดโดยอ้างอิงจากแสงอาทิตย์เวลากลางวัน และยิ่งค่าน้อยลงมากเท่าใดนั่นก็หมายถึงสีเพี้ยนมากขึ้นเท่านั้น

3. คุณสมบัติการค่าเชื้อของแสงธรรมชาติ: การวางทิศทางของห้องต่างๆ เป็นอะไรที่สำคัญมาก โดยเฉพาะห้องครัว สาเหตุที่ห้องครัวส่วนใหญ่หันไปทางทิศตะวันออกเป็นเพราะว่าห้องจะได้รับแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ในช่วงเช้าและแสงส่องที่เบาลงในช่วงบ่าย

   แต่แสงอาทิตย์นั้นมีประโยชน์มากต่อห้องครัวเพราะความร้อนจะช่วยกำจัดการสะสมของเชื้อรา และเชื้อโรคต่างๆ ได้ดี ทำให้ห้องครัวของคุณสะอาดไม่เหม็นอับ

4. แสงธรรมชาติจะช่วยเพิ่มปริมาณเซโรโทนิน ช่วยให้คุณรู้สึกดี และผ่อนคลาย การที่ร่างกายหลั่งเซโรโทนินเรื่อยๆ จะช่วยให้สภาพอารมณ์ของคุณคงที่ขึ้น

5. ช่วยเพิ่มความผ่อนคลาย: สมองให้พื้นที่ และความสำคัญต่อการรับรู้ทางสายตามากกว่าประสาทส่วนอื่นๆ เพราะสิ่งที่เราเห็นจะส่งสัญญานไปที่สมองเพื่อกระตุ้นการตัดสินใจ และการเก็บความทรงจำ

   การมองเห็นสามารถส่งผลต่อสุขภาพจิตของเราได้มากอีกด้วย แสงธรรมชาติสามารถเค้นสีสันของสิ่งของต่างๆ ได้ดีนั่นทำให้บรรยากาศสวยงามขึ้น และการใช้เวลาในที่ที่สวยงามจะทำให้สุขภาพจิตของคุณคงสภาพดีในระยะยาว

6. แสงจะช่วยให้คุณรู้สึกอุ่น: แสงทำให้เกิดความอบอุ่น และให้พลังงานต่อร่างกาย ปัจจัยนี้คงเป็นอะไรที่ทุกท่านเข้าใจดีอยู่แล้วแล้ว แต่ความอุ่นนี้ไม่ใช่อะไรที่รูสึกได้จากเพียงภายนอกแต่ภายในด้วยเช่นกัน

   การที่ห้องห้องหนึ่งได้รับแสงอาทิตย์มากจะรู้สึกน่าอยู่กว่าห้องที่มืด แต่เมื่อมีแสงธรรมชาติเข้ามาในห้องมากๆ อาจทำให้อากาศภายในอบอ้าว ก่อนที่คุณจะสร้างตึกอาคารหากคุณพบว่าส่วนหนึ่งของที่อยู่ได้รับแสงแดดมากต่อวันควรติดตั้งแผ่นยิปซัมกันร้อนเพื่อสะท้อนความร้อนส่วนหนึ่งออก

Knauf HeatShield

แผ่นยิปซัมคนอฟกันร้อนเหมาะสำหรับผนังและฝ้าเพดานภายในพื้นที่อยู่อาศัยและอาคารพาณิชย์ในบริเวณที่มีความต้องการการสะท้อนของความร้อนที่ดียิ่งขึ้นเช่นผนังทางด้านฝั่งตะวันตกหรือผนังบริเวณห้องใต้หลังคา

คุณสมบัติของ Knauf HeatShield แผ่นยิปซัมกันร้อนมีดังนี้:

• อลูมิเนียมฟอยด์สามารถสะท้อนรังสีความร้อนได้สูงถึง 95 เปอร์เซนต์
• เรียบ เนียน และสวยงามเหมาะสำหรับการออกแบบในหลากหลายพื้นที่
• สามารถออกแบบเพื่อให้สามารถป้องกันเสียงได้ถึง 60 เดซิเบลเมื่อติดตั้งควบคู่กับวัสดุที่เป็นฉนวน
• ทนความร้อนได้ดีจากการใช้ประโยชน์ของยิปซัม
• สามารถติดตั้งได้ง่ายและรวดเร็ว
• ไม่มีสารประกอบที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
• เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ความสัมพันธ์ระหว่างโลกสิ่งมีชีวิต และดีไซน์เป็นหัวใจสำคัญของบทความนี้ เราหวังว่าข้อมูลที่เราได้เรียบเรียงมาในบทความนี้จะช่วยให้คุณรู้สึกมีแรงบันดาลใจในการตกแต่ง เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

หากคุณสนใจข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการดีไซน์เราแนะนำให้คุณลองเข้าไปที่เว็บไซต์ของเรา ที่จะมีการโพสต์บทความเกี่ยวกับดีไซน์ทุกเดือน https://knauf.co.th/article.php?lang=th